ประวัติพระอาจารย์นก
ประวัติพระอาจารย์นก
❇️ขอเกริ่นกลอน  ย้อนประวัติ  ขนัดหนึ่ง
เพื่อรำพึง   คนึงใน   ในใจศิษย์
ประวัติท่าน   พระอาจารย์  อ่านพินิจ
มวลหมู่ศิษย์   ได้คิดรู้   ครูอาจารย์
❇️พงษ์จตุรา  ว่าสกุล  พระคุณเจ้า
สุชาติ​ เล่า   นามบิดา  ผู้กล้าหาญ
แม่ซ่อนกลิ่น คือมารดา  
พระอาจารย์
ลูกคืบคลาน   มีสิบคน   รอดพ้นมา
❇️ประเทืองรัตน์ สองหัตถ์กอด  คลอดคนแรก
เป็นชายแผก จนแตกหนุ่ม  
ญาติรุมหา
พระอาจารย์   คนที่สอง  ต้องตำรา
สิบกุมภา   คือวันเกิด  ประเสริฐคน
❇️ปีศูนย์เจ็ด  เคล็ดเดือนสาม  คือยามเกิด
มะโรงเชิด   ปีงูใหญ่   ไม่สับสน
นายฉัตรชัย  คนที่สาม  งามกมล
ลำดับชน   คนรูปงาม  คลอดตามมา
❇️ลำดับสี่   สีขาวผ่อง  
เป็นน้องหญิง
สมนามจริง   ชื่อเพ็ญแข  ต้องแลหา
นายพิเชษฐ์   อีกนางสาว  
บุตรชาดา
เกิดตามมา   ว่าตามชื่อ  คือศศิธร
❇️นายประทีป  จีบลำดับ  นับที่แปด
นายบำรุง  ใจมุ่งแผด  ตามคำสอน
แท้ชีวิต    ติดตามบุญ  อุ่นอาทร
เชื่อคำสอน   ในพระธรรม  คอยค้ำบุญ

❇️พระอาจารย์  ดวงสมชัย  ผู้ไม่แพ้
คุณธโร   ฉายาแม้  มิเสื่อมสูญ
บุตรบุญธรรม  แม่ซ่อนกลิ่น  
มิสิ้นบุญ
ผู้มากคุณ   เกื้อหนุนศิษย์  ไม่ปิดบัง
❇️เหตุจูงใจ  ให้ออกบวช  
เพราะตรวจพบ
มะเร็งรบ   รุกตับเข้า  เฝ้าแต่ฝัง
ขั้นสุดท้าย   จำต้องตาย  กายพินพัง
คงถูกฝัง   หยั่งลงดิน  เมื่อสิ้นใจ
❇️จึงคิดอยาก  ฝากชีวิต  
เป็นศิษย์พุทธ
บางคืนหลุด   เข้ามุดนอน  ที่ไหนไหน
ในวัดร้าง   ข้างป่าช้า  แม้ว่าไกล
เชิงตะกอน   ก็เคยได้   ซบกายา
❇️ความวิเวก  เสกจิตใจ  ให้ขบคิด
พี่น้องติด   สนิทรู้   ย่าปู่หนา
ทั้งแม่พ่อ   ก็รักเรา   แต่เกิดมา
ตายแล้วข้า   ถูกฝังอยู่  แต่ผู้เดียว
❇️จึงคิดว่า   ถ้าก่อนตาย  
ต้องหมายบวช
ให้ได้สวด   มนต์จนได้  ใจเฉลียว
มวลอาหาร   ทานเป็นยา  รักษาเทียว
แข็งแรงเดี๋ยว  ได้บวชแท้  
อย่างแน่นอน
❇️จิตมุ่งมั่น  หมั่นขบกิน  สิ้นสำรับ
แม่กำกับ   แม้ของว่าง  วางสลอน
กินทุกอย่าง   ที่วางให้   ไม่อาทร
ความรุ่มร้อน  เริ่มผ่อนเบา  บรรทาลง

❇️จิตตั้งมั่น  ฝันเรื่องบวช  
อยู่เป็นนิจ
แม้ได้สิทธิ์   ตาปะขาว  เจ้าไม่หลง
เป็นฤาษี   หรือเป็นพระ  จะมั่นคง
จิตมั่นคง   เพียงได้บวช  
อย่าชวดเลย
❇️ปีสองห้า  สองห้าเยือน  
ดุจเตือนเจ้า
จงรีบเข้า   เป็นนาคน้อย  
อย่าพลอยเฉย
ศีลแปดข้อ   พ่อรักษา  ไม่ละเลย
มิเฉยเมย   เร่งบำเพ็ญ  ไม่เว้นวัน
❇️ใช้เวลา   มาร่วมปี  อย่างมีค่า
ท่องตำรา   คำขอบวช  อย่างกวดขัน
เพื่อบวชเณร  ไม่เว้นว่าง  ทุกทุกวัน
เร่งให้ทัน   บรรพชา  สามเณร
❇️ปีสองหก  ดุจปักษิน  ถิ่นเวหน
  ดุจดั่งคน   ที่พ้นไข้   ได้พิมเสน
 ครองผ้ากา-  สาวพัสตร์  
 จัดเป็นเณร
 โรคร้ายเผ่น   กระเซ็นคลาย  
 สลายไป
❇️เคยครุ่นคิด  ติดความตาย  
มาหลายครั้ง
แต่ลมยัง   เข้า-ออกอยู่  ต้องสู้ไหว
อุปนิสัย   ใฝ่สงบ   ครบเต็มใจ
จะต้องไม่   ไสกลับหลัง  แม้ครั้งดียว
❇️จึงคิดหลีก  ปลีกวิเวก  
อย่างเอกอุ
เดินเลี่ยงลุ   เข้าสู่ป่า   พนาเขียว
หวังให้ตาย   ภายในป่า  แต่ผู้เดียว
มิเล็งเหลียว   เลี้ยวหลังลับ  
กลับคืนมา

❇️ตายเมื่อไหร่  ให้ทานร่าง  
แก่ฝูงสัตว์
แม้เสือกัด   ก็ให้ตาย  แต่ในป่า
ไม่บอกใคร   แม้พ่อแม่  แลปู่ตา
ญาติวงศา   ไม่ย้อนทัก  เลยสักคน
❇️เดินตามป่า  ล้าตามเขา  
ลำเนาพฤกษ์
ในถ้ำลึก   ก็เข้าไป   ไม่ต้องสน
ใต้เงื้อมฝา   ฝูงหมาผ่าน  นั่งนิ่งทน
เพราะหลบฝน  ลมกรรโชก  
ไม้โยกไกว
❇️หลายจังหวัด  ซัดเซผ่าน  
ย่านไพรสณห์
หลีกหมู่ชน   ได้พ้นผ่าน  ย่านไศล
จากชัยภูมิ   สู่ขอนแก่น  แผนไผท
เข้าถิ่นใน   เขตมหา   สารคาม
❇️เลยเข้าสู่  กาฬสินธุ์  ถิ่นร้อยเอ็ด
แม้จะเหน็ด   เหนื่อยเท่าไร  
ไม่วาบหวาม
จิตคงมั่น   ฝั้นสติ   ทุกโมงยาม
ไม่ครั่นคร้าม  ต่อสิ่งใด   ใจมั่นคง
❇️แต่ละแห่ง  ตามแหล่งพัก  
จิตหนักแน่น
ดุจดังแผ่น   แท่นหินใหญ่  มิใหลหลง
สงบเย็น   เป็นธรรมะ  ปะทะลง
จิตได้ปลง   อนิจจัง   ทุกครั้งไป
❇️จากร้อยเอ็ด  เล็ดเลียบรุด  
ไม่หยุดหย่อน
ยโสธร   ได้ผ่อนพัก  ปักกลดได้
เข้าสู่เมือง   แห่งนักปราชญ์  
ชาติเกรียงไกร
เมืองอุบลฯ   ที่ตนหมาย  มาพักพิง

❇️อายุครบ  บรรจบถ้วน  
สมควรแล้ว
เหมือนได้แก้ว  งามแพร้วเพริศ  ประเสริฐยิ่ง
อุปสมบท   ณ วัดเลียบ  
เรียบร้อยจริง
อำเภอเมือง   เรืองขวัญครู  ในอุบล
❇️สิบกุมภา  ปีสองเจ็ด  
ล้วนเสร็จสรรพ
ได้น้อมรับ   เป็นภิกษุ  ผู้ฝึกฝน
โดยมีพระ   โพธิญาณมุนี  
ที่เยี่ยมยล
อุปัชฌาย์ตน  ล้นเมตตา  ไร้อาวรณ์
❇️มีพระกรรม-  วาจาจารย์  
ท่านพระครู
ประจักษ์   อุบลคุณ  ผู้ฝึกสอน
พระอนุสา-   วนาจารย์  
ทานวรรคตอน
พระครูวิมล   อุปลารักษ์ผ่อน  
มิร้อนกาย
❇️ไม่นานรอ  ขอนิสัย   ได้ลาท่าน
มุ่งโดยพลัน   ผันสู่เหนือ  
เมื่อตอนสาย
เดินธุดงค์   ยังคงเที่ยว  แต่เดียวดาย
ตามเป้าหมาย  หลายตำบล  
ที่ทนเดิน
❇️เดินตามชัฏ  ทัศนา   ธรรมชาติ
จิตองอาจ   มิขลาดกลัว  มัวขวยเขิน
ข้ามจังหวัด   สู่จังหวัด  ถนัดเดิน
จิตเพลิดเพลิน  เจริญธรรม  
ย่ำก้าวไป
❇️สมัยนั้น   หลวงปู่แหวน  สุจิณโณ
เป็นร่มโพธิ์   เจิดจรัส   สะพัดไหว
ชื่อเกียรติก้อง  ป้องปกเกศ  ประเทศไทย
แม้องค์ไท้   ภูมิพล   เยี่ยมสนทนา

❇️หมอบกราบลง  ตรงเบื้องหน้า  
อ้าปากเอ่ย
ยอมเฉลย   เผยทุกคำ  ออกนำหน้า
หลวงปู่โปรด  รับเอาไว้  ในวัดวา
เป็นศิษยา   ขององค์ท่าน  
แต่นั้นเลย
❇️ทั้งสมถะ  วิปัสสนา  กรรมฐาน
ปู่เชี่ยวชาญ   ชำนาญยิ่ง  มินิ่งเฉย
ได้ฝึกตาม   คำปู่ท่าน  ไม่พรั่นเลย
เร่งเปิดเผย   เคล็ดวิชา  รุดหน้าเร็ว
❇️เมื่อหลวงปู่  ผู้พ่อพระ  ละสังขาร
เสร็จการงาน  การทุกสิ่ง  มินิ่งเฉย
ปลีกวิเวก   เฉกเช่นทำ  ซ้ำที่เคย
มุ่งหน้าเลย   เข้าพม่า   มิช้าที
❇️บางที่พัก  เพียงราตรี  
ต้องหนีจาก
บางที่หาก   สัปปายะ  มิผละหนี
เร่งบำเพ็ญ   เยือกเย็นจิต  สนิทดี
ผลเกิดมี   ความรุดหน้า  จึงลาจร
❇️หลายทิวา  และราตรี  รวีผ่าน
วันเดือนนาน  กาลผ่านไป  ไม่ฉงน
เพียงแก่นธรม  มีย้ำติด   ในจิตตน
เพื่อผ่านพ้น   กลกิเลส  เศษอบาย
❇️ผ่านเข้าเขต  ประเทศลาว  
ล้วนราวป่า
ข้ามเข้ามา   ถึงฝั่งไทย  
เมื่อตอนสาย
ฝ่าดงดิบ   เพิกใบหมาก  
เห็นทากลาย
เต็มกระจาย   บนเนินดิน  สิ้นทางไป

❇️ต้องย้อนแยก  แหวกพงไม้  
ไปทางอื่น
เจอทางลื่น   ฝืนเหยียบย่อง  
คลองน้ำไหล
ข้ามขึ้นมา   ตาเห็นแสง  ส่องรำไร
เดินต่อไป   ใกล้ขอนยาว     
ก้าวข้ามพลัน
❇️เกือบเหยียบเข้า  งูเห่าเผือก  
เสือถลา
กลดหลุดบ่า   กาน้ำหล่น  รนหุนหัน
ทรงตัวได้   กิ่งไม้ใหญ่  คว้าได้ทัน
จากที่นั้น   จึงพ้นป่า  พนาดอน
❇️กว่าจะพ้น  จนสี่คืน   ฝืนลำบาก
เดินก็ยาก   เหยียบก็เจ็บ  
เล็บปวดร้อน
เดินสี่คืน   จนห้าวัน  มิได้นอน
นี่แหละก้อน   กองแห่งทุกข์  
โรมรุกคน
❇️มีวันหนึ่ง  ถึงนิมิต   ติดต้องข้า
เทวดา   จากฟากฟ้า  ฝ่าเวหน
ยืนนิ่งใน   นภากาศ  องอาจตน
แล้วเริ่มสน-   ทนาธรรม  ซ้ำเนิ่นนาน
❇️เกือบชั่วโมง  โยงเรื่องทวน  
ย้ำจนชัด
และชี้หัตถ์   ให้ไปอยู่   บนภูนั้น
ท่านต้องไป   อยู่บนเขา  ป่าแผกพันธุ์
เขาลูกนั้น   ท่านต้องไป  จำให้ดี
❇️แล้วทะยาน  ผ่านพุ่งขึ้น  
จนหายลับ
นิมิตดับ   หายวับพลัน  ทันท่วงที่
จากนั้นคง   ธุดงค์เรื่อย  เหนื่อยไม่มี
จนถึงที่   เขาพังเหย  ในปัจจุบัน

❇️เขตของบ้าน  ซับมงคล  ที่คนรู้
ตำบลชู   ชื่อโป่งนก  มิผกผัน
เทพสถิต   คืออำเภอ  ที่เจอกัน
ชัยภูมิ   ภูมิแห่งพันธุ์  ทำเลชัย
❇️ได้ปักกลด  ลดลงนั่ง  ยังถิ่นที่
นิมิตชี้   นำบอกชัด  ถนัดใส
ช่างแม่นยำ   ตามคำนึง  อย่างซึ้งใจ
เป็นแหล่งใช้   บำเพ็ญเพียร  ภาวนา
❇️เหมาะแก่งาน  การปฏิบัติ  
ฝึกขัดจิต
เพ่งพินิจ   ติดต่อไป  ภายภาคหน้า
จะเป็นวัด   ที่รุ่งเรือง  เรื่องนานา
ชนมากหน้า   จักหมายมุ่ง  
ผดุงธรรม
❇️ปีสามหนึ่ง  พึงตัดใจ  จำพรรษา
มีคนมา   สร้างกุฏิ  อุปถัมภ์
หลังเล็กเล็ก   มุงด้วยหญ้า  พากันทำ
ชาวบ้านนำ   มีน้ำใจ   ใสศรัทธา
❇️มีวันหนึ่ง  มีหลวงปู่  พร้อมฤาษี
ตาผ้าขาว   พรหมก็มี  ที่มาหา
อดีตชาติ   เป็นอาจารย์  ท่านสอนมา
ต่างเข้าหา   มาสั่งสอน  ในนิมิต
❇️ให้ร่ำเรียน  เพียรฝึกฝน  
มนต์ต่างต่าง
เรียกธาตุสี่   โอสถบ้าง  อย่างสนิท
น้ำมันว่าน   น้ำมันยา  พาค้นคิด
ท่านประสิทธิ์  จนสำเร็จ  
ทุกเคล็ดไป

❇️บางครั้งครา  เทวดา   ก็มาแนะ
มาช่วยแคะ   เคล็ดวิชา  พาทำได้
วิชาธาตุ   อันพิศดาร  ท่านเข้าใจ
แนะนำให้   จนสัมฤทธิ์  ประสิทธิ์จริง
❇️ส่วนอักขระ  เลขยันต์เป็น  
อักษรพรหม
บางคนชม   ก้มกราบไหว้  นำไว้หิ้ง
บ้างก็เรียก   ขอมพิศดาร  ขนานจริง
อักษรสิ่ง   สุดสูงส่ง  สุมงคล
❇️อยู่รูปเดียว  แต่ในป่า  มิช้านัก
เณรมาพัก   แล้วก็ไป  ไม่สับสน
บ้างก็มี   ชีปะขาว  มาอีกคน
อยู่ไม่ทน   ลาสึกไป  ครรไลลา
❇️พระอาจารย์  ไม่ชอบอยู่  
เป็นหมู่คณะ
บำเพ็ญตบะ   ชอบอยู่เดี่ยว  
ไม่เหลียวหา
ชอบสันโดษ   ไม่โปรดลาภ  
หาบเงินตรา
แม้ยศถา-   บรรดาศักดิ์  ยิ่งผลักไกล
❇️แม้เจ้าคณะ  จังหวัดไซร้  ในอดีต
จักเขียนขีด   สมณศักดิ์  มาพักให้
ท่านไม่รับ   กลับขอบคุณ  ทูนน้ำใจ
เพราะท่านไม่  หวังในลาภ  
ควรทราบกัน
❇️ท่านรองราช  เลขาใน   องค์ ร. เก้า
ดร. ภาวาส   บุนนาคเข้า  มาพบท่าน
จะกราบทูล   เสนอให้   พระอาจารย์
เป็นเจ้าคุณ   ท่านไม่รับ  จึงกลับไป

❇️ท่านกล่าวชวน  มอบให้พระ  อาจารย์อื่น
หน้าที่ขึ้น   ความชอบมี  ความดีได้
อาตมา   ยังไม่มี   ดีกว่าใคร
จงมอบให้   สายปกครอง  
ของพระเทอญ
❇️อีกประการ  งานก่อสร้าง  
ภายในวัด
ญาติโยมจัด   ด้วยศรัทธา  
น่าสรรเสริญ
ร่วมกันก่อ   บริจาค   ทรัพย์และเงิน
ไม่ขาดเขิน   มั่นคงด้วย  ทั้งสวยงาม
❇️แม้เงินทอง  ของใดใด  โยมถวาย
ท่านมอบไว้   เป็นกลางสงฆ์  
อย่างล้นหลาม
ไม่ขาดแคลน  ปัจจัยสี่   ดีทุกยาม
ทุกเขตคาม   ชนมุ่งมา  บูชาคุณ
โพสเมื่อ : 09 ก.ค. 2564,12:06   อ่าน 371 ครั้ง